Title : Sweet Nothing
Pairing : Kris x Chanyeol
Author : Nabee
Chapter : 1
มหาลัยชื่อดังเปิดเรียนเป็นวันแรกทุกอย่างดูจะวุ่นวายสำหรับนักศึกษาปี1เว้นแต่รุ่นพี่ที่มีโต๊ะประจำสิงสู่จึงดูเป็นที่เป็นทางกว่ารุ่นน้องซึ่งเดินกันขวักไขว่ท่ามกลางความวุ่นวายมีนักศึกษาปีสองเดินผ่านทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เพราะออร่ารวมถึงชื่อเสียงของเยาวชนกลุ่มนี้
หากเพียงแค่ก้าวเข้าใกล้ตึกเรียนคณะสถาปัตย์ บรรดาเพื่อนนักศึกษาที่นั่งประจำโต๊ะตั้งแต่แรกจนถึงโต๊ะสุดท้ายก็พากันทักทายอย่างอื้ออึง ไม่เสียทีที่เป็นคนดังของคณะซึ่งไม่มีใครไม่รู้จัก แม้แต่รุ่นเดียวกันหรือรุ่นพี่ต่างคณะซึ่งนิยมชมชอบตั้งแต่ยังเรียนปีหนึ่งวนเวียนมาขายขนมจีบแต่ก็ถูกปฏิเสธแทบทุกราย
“ชานยอลมาแล้วหรือ”
“อืม”
“เฮ้ย! ชานยอลทำไมไม่มารับน้องวะ”
“ไม่อ่ะ คนเยอะไม่ชอบ”
“ชานยอลยังรับเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“แน่นอน ซีซั่นใหม่จะมาอาทิตย์หน้าแล้วนี่”
“ชานยอล อาจารย์โจวมี่ถามหานายแต่เช้าเลยว่ะ”
“ช่างเถอะ มีธุระก็มาหาฉันเอง”
สารพัดเสียงทักทายจนตอบแทบไม่หวาดไม่ไหวแต่คนอัธยาศัยดีก็ยินดีตอบ ขณะกำลังจะผ่านกลุ่มหนุ่มฮ็อตที่พากันหักอกสาวเป็นว่าเล่นและชื่อเสียงก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากลุ่มของชานยอล ต่างกันก็แค่กลุ่มนี้รักไม่รักชอบไม่ชอบคบได้หมดแล้วก็เขี่ยทิ้งในเวลาไม่นาน
หากกลุ่มของชานยอลไม่เคยคบใครทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มที่นิยมผู้ชายหน้าสวยก็จะถูกปฏิเสธทุกครั้ง ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนจะติดตามหรือพ่วงท้ายไปไหนด้วยไม่มีปัญหาแค่อย่าล้ำเส้นวุ่นวายในกิจกรรมส่วนตัว คนที่คิดว่าจะทำให้เด็กหนุ่มใจอ่อนได้จึงพยายามทำเนียนตีสนิทแบบเพื่อนที่เจ้าตัวหยิบยื่นให้ หากสุดท้ายก็ยอมแพ้ทุกรายเพราะเป็นได้แค่เพื่อนที่ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษ แม้จะเทียบเท่าเพื่อนสนิทอย่างลู่หานหรือคยองซูยังไม่ได้เลย
“ชานยอลฉันซื้อขนมมาฝาก”
ร่างโปร่งหยุดเดินหันมามองชายหนุ่มร่วมคณะหากคนละเอกที่ส่งถุงขนมร้านดังมาให้ โดยมีกลุ่มเพื่อนจอมเจ้าชู้ช่วยกันลุ้นอยู่ที่โต๊ะประจำซึ่งติดกับโต๊ะของเขา แต่เช้านี้มีเรียนจึงไม่ได้แวะไปนั่งเล่นเหมือนเคย
“นายเก็บไว้กินเองเถอะจงอิน ไม่ต้องซื้อมาฝากฉันหรอก...เกรงใจน่ะ”
“รับไว้นะไม่ต้องเกรงใจ ฉันซื้อมากินเองด้วย”
“อืม งั้นก็ขอบใจ”
ชานยอลรับมาก่อนจะยิ้มให้แล้วหันไปตอบคำถามเซฮุน ซึ่งนั่งอยู่กับจงแดและแบคฮยอนที่ลุ้นอย่างออกนอกหน้าว่าจะยอมรับขนมถุงนี้หรือไม่
“ชานยอลไม่นั่งคุยกันก่อนเหรอ”
“ไม่ล่ะ พวกฉันมีเรียนเช้า”
ดวงหน้าหวานหันไปพยักหน้าให้เพื่อนแล้วพากันเดินเข้าตึกเรียนไป ทิ้งให้จงอินยืนยิ้มกว้างแล้วเดินตัวลอยขาแทบไม่ติดพื้นกลับมาที่โต๊ะ จนจงแดเห็นแล้วยังอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ไอ้ชานยอลมันแค่รับขนมจากแกไม่ใช่รับรักจะดีใจทำหอกอะไรขนาดนี้วะ”
“วันนี้รับขนมวันต่อไปอาจจะรับรักก็ได้”
“เหรอ...รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปบอกมันก่อนเถอะ”
แบคฮยอนผลักหัวเพื่อนที่ยังเพ้อฝันไม่เลิก เห็นหน้าสวยๆยิ้มหวานๆแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่แสบ ไม่อย่างนั้นคงเป็นเจ้ามือรับแทงพนันแทบทุกอย่างไม่ได้หรอก พวกที่มาสารภาพรักก็เช่นกันมาดีก็ได้มิตรภาพความเป็นเพื่อนแบบชาเย็นไป แต่ถ้ามาแบบจู่โจมถึงตัวก็อาจถูกด่ากลับไปนั่งน้ำลายยืดคอตกเป็นหมาบ้าได้เช่นกัน
“เออ...นี่ไอ้คริสมันยังไม่มาอีกเหรอ”
“สงสัยมันจะหลงวะจงอิน”
“ไอ้บ้าจงแด...คริสมันไม่โง่เหมือนแกหรอกน่า”
“เฮ้ยมาโน่นแล้ว ไอ้คริสทางนี้”
หลังจากโดนเซฮุนด่าจบจงอินก็หันไปเจอคริส อู๋เพื่อนรักสมัยมัธยมต้นแต่พอเรียนม.ปลายก็ต้องย้ายตามบิดาซึ่งเป็นทูตไปประจำที่แคนาดาและเพียงแค่เข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่งเท่านั้นบิดาก็ย้ายไปประเทศไทย คริสจึงเลือกที่จะกลับมาเรียนต่อในแผ่นดินเกิดมากกว่าจะไปร่อนเร่ที่อื่น จึงได้รับสิทธิพิเศษโอนย้ายหน่วยกิตมาเข้าเรียนในปีที่สองเช่นเดียวกับเพื่อน
“ทำไมช้านักวะ”
“รถติดเป็นบ้า แล้วก็ไม่คิดด้วยว่ามหาลัยเปิดวันแรกผู้คนจะเยอะแบบนี้”
“ก็อย่างนี้แหละ พออะไรเข้าที่เข้าทางหน่อยก็เหลือน้อยโดดเรียนกันหมด”
คริสพยักหน้าเข้าใจที่เซฮุนพูด มหาลัยไหนก็แบบนี้ทุกที่เว้นเสียแต่เจออาจารย์เฮี้ยบๆเช็คชื่อในคาบเรียน จึงต้องพากันไปเสนอหน้าสลอนเต็มห้องถ้าไม่อยากถูกเรียกเข้าเฝ้าหรือหักคะแนน ดวงตาคมกวาดมองสถานศึกษาแห่งใหม่ไปทั่วไม่ว่าจะผู้คนสถานที่ ก่อนจะเบนกลับมามองเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้กันแต่ยังไม่ได้ปริปากทักทายเอาแต่ยิ้มเย็นเป็นคนบ้า
“จงอินยิ้มห่าอะไรวะ”
“ไอ้จงอิน! คริสมันถามว่าแกเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงยิ้มเรี่ยราดอยู่ได้”
จงแดตบหัวเพื่อนไปหนึ่งฉาดเมื่อเห็นว่าจะใจลอยไปจนถึงในคลาสเรียนของเอกอื่น ทำเอาคนที่กำลังยิ้มถึงกับสะดุ้งแต่ก็ยังอารมณ์ดีต่อได้อีก
“เปล่า...คนกำลังมีความสุขก็แบบนี้ล่ะว่ะ”
“ทำไม? หรือแกหาเมียได้แล้ววะ”
“กำลังพยายามอยู่”
“แค่พยายามหรือ”
“อย่าไปสนใจมันเลย เห็นพยายามมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ความพยายามอยู่ที่ไหนก็ยังอยู่ที่นั่นทำได้แค่พยายาม”
“ทำไมวะเซฮุน ผู้หญิงเค้าไม่สนใจมันหรือ”
“ผู้ชายว่ะ”
“ชอบผู้ชายเหมือนกันมันก็ไม่แปลกเท่าไหร่ แต่อย่างไอ้จงอินก็น่าจะมีดีพอตัวที่ไม่ควรจะถูกเมิน”
คริสนั่งวิเคราะห์เมื่อได้ยินว่าเพื่อนชอบผู้ชาย หากยุคสมัยนี้แล้วก็ไม่แปลกอะไรแต่เพื่อนของเขาแต่ละคนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปมเด่นอะไร จัดได้ว่ามีอันจะเหลือกินหน้าตาก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร แม้กระทั่งจงแดเห็นท่าทางธรรมมะธรรมโมแบบนี้ก็เป็นขวัญใจของพวกฮาร์ดคอร์ แล้วเพราะอะไรผู้ชายคนนั้นถึงไม่ชอบจงอิน
“ไอ้จงอินมันก็มีดีแต่หมอนั่นก็เด่นกว่าใคร เป็นถึงเดือนคณะเมื่อปีก่อนพวกคณะอื่นก็พากันชื่นชมทั้งหญิงทั้งชาย ตัวเลือกร้อยแปดแบบนั้นเพื่อนแกมีสิทธิ์กินแห้วได้เหมือนกัน”
คำพูดของแบคฮยอนก็น่าคิด เด่นดังถึงขนาดผู้หญิงผู้ชายแห่แหนกันมาปลื้มก็เป็นธรรมดาที่จะเล่นตัว แต่ไม่จำเป็นว่าเพื่อนของเขาจะแค่พยายาม ที่สำคัญคือชอบผู้ชายหรือเปล่าถ้าไม่จงอินควรจะถอยห่าง แต่ถ้าชอบก็ควรเดินหนาเต็มสูบ
“เขาชอบผู้ชายหรือเปล่าวะ”
“ไม่แน่ใจว่ะ ไม่เคยเห็นคบใครเป็นเรื่องเป็นราว ปฏิเสธหมดทั้งผู้หญิงผู้ชายแต่ก็ยอมคบค้าด้วยในฐานะเพื่อน สุดท้ายก็ถอยหลังกันหมดเพราะเป็นได้แค่เพื่อนจริงๆ เขาไม่ให้ล้ำเส้นไปกว่านั้น”
จงอินพูดตามที่เห็น...หลายคนที่ยอมรับมิตรภาพของคำว่าเพื่อน เพราะคิดว่าเข้าใกล้ได้มากกว่าแอบมองแอบชอบ หากสุดท้ายแล้วก็แค่เพื่อนที่อยู่ห่างๆไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือเพื่อนคนพิเศษแต่อย่างใด
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองสิวะ ไม่ลองก็ไม่รู้เดินหน้าให้เต็มที่เลยผิดหวังก็ให้มันรู้ไปจะได้ตัดใจ ดีกว่ามองดูอยู่เฉยๆรอหมาคาบไปแดก”
“ยุดีนักนะไอ้คริส แกเจอเขาก่อนดีกว่าไหมจะได้รู้ว่าทำไมไอ้จงอินถึงป๊อด”
“ถ้าไม่ได้มีอะไรที่มากไปกว่าตาสองข้างจมูกหนึ่งปากหนึ่งหูสองก็ไม่เห็นต้องเจอก่อน เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าโอ เซฮุนจอมเจ้าชู้ก็ยังเกรง”
“ไม่ได้ถึงกับเกรงอะไรหรอก แต่เห็นว่าเป็นเพื่อนกันไม่อยากให้มองหน้ากันไม่ติด อีกอย่างหมอนั่นบ้านอยู่ติดกับบ้านฉัน”
“ทำไมฉันไม่เคยเห็น”
“แกจะไปเห็นได้ยังไง ฉันเพิ่งย้ายบ้านใหม่ตอนขึ้นม.ปลายแกก็ไปอยู่แคนาดาแล้ว บ้านฉันกับเขาก็รั้วติดกัน พ่อแม่พวกเรายังสนิทสนมกันมากด้วย ฉันกับหมอนั่นก็พูดคุยเล่นกันตั้งแต่ตอนนั้น”
“นั่นสิ ถ้าสารภาพรักแล้วอดมองหน้า อดพูดคุย สู้แอบรักอยู่แบบนี้ดีกว่าอย่างน้อยก็ยังพูดคุยมองหน้ากันได้”
“ถ้าหมอนั่นเจ๋งจริงนายก็จะต้องกินแห้วเกิดว่าถูกมือดีฉกไป เสียใจเพราะถูกปฏิเสธดีกว่าเสียใจเพราะความไม่กล้า แต่ที่จริงฉันก็ชักอยากจะเห็นหนาเสียแล้วว่ามีอะไรดีนักหนาถึงทำให้พวกแกถอดใจได้”
จากนั้นการพูดคุยก็เปลี่ยนเป็นประเด็นอื่นนอกเหนือจากเรื่องรักๆใคร่ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังตกค้างอยู่ในใจของคริสก็คือ ใครที่ทำให้กลุ่มเพื่อนของเขายอมให้ ทั้งที่เรื่องดีกรีความเจ้าชู้หรือเด่นดังก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร หน้าตาจะเป็นยังไง..เขาได้แต่พร่ำถามอยู่ในใจ
................
“ฮัดเช้ย~”
ชานยอลจามติดๆกันถึงสามครั้ง จนลู่หานต้องหันมาลูบหลังลูบไหล่แล้วกระซิบถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาเพื่อนสนิท
“เป็นหวัดหรือไง”
“เปล่า”
“ใครนินทานายแน่เลย”
คยองซูที่นั่งอยู่อีกข้างใช้ศอกสะกิดเพื่อนหน้าหวานด้วยรอยยิ้ม จะว่าไปถ้าชานยอลต้องจามเพราะถูกนินทาคงเป็นทั้งวันนั่นแหละ โดยเฉพาะช่วงฤดูแข่งบอลไม่ว่าจะเป็นนอกหรือในประเทศ แม้แต่บอลคณะหรือกีฬาทุกชนิดในมหาลัยเพื่อนสนิทก็รับแทงไม่อั้น
การที่ทำตัวเป็นเจ้าพ่อเซียนพนันนั้นไม่ใช่เพราะที่บ้านยากจนต้องหาเงินด้วยวิธีนี้ แต่คฤหาสน์ปาร์คที่เจ้าของเป็นถึงประธานธนาคารใหญ่หากลูกชายกลับมีนิสัยขี้เล่นชอบการแพ้ชนะ โดยเฉพาะถ้ามีอะไรมาพนันติดปลายนวมด้วยแล้ว ชานยอลบอกว่าเป็นการสร้างสีสันเพิ่มอรรถรสในการชม พวกเขาจึงไม่คิดจะห้ามปรามอะไรกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกด้วยซ้ำ
“จะมานินทาฉันเรื่องอะไร”
“อาจเป็นจงอินก็ได้ เมื่อเช้าให้ของกำนัลพอนายรับก็ทำหน้าเพ้อคิดว่ารับรักด้วยมั้ง”
“รับรักเพราะคัพเค้กเนี่ยนะ ตลกไปหน่อยแล้วลู่หาน”
“นั่นสิ อย่างชานยอลแค่ลูกอมเม็ดเดียวก็ใจอ่อนแล้ว”
“นี่...ฉันไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
“ใครจะไปรู้เมื่อเช้าส่งลูกอมให้นายเม็ดเดียว ก็วิ่งแจ้นตามมาบนรถแล้ว”
“นิสัย...สะเออะไปปลุกฉันถึงเตียงบอกว่าไม่ต้องเอารถมา คืนนี้จะพาไปผับพี่ชายซิ่วหมินไม่ใช่หรือ”
ชานยอลกระแทกศอกใส่เจ้าเพื่อนหน้าตาดีแต่ความจำสั้นที่กระเซ้าเย้าแหย่กัน โดยลืมไปว่าเป็นชั่วโมงของอาจารย์ชินดงจอมเฮี้ยบ ขณะที่ซิ่วหมินจะทันได้ออกปากเตือนเสียงของจอมโหดก็ดังขึ้นมาว้ากใส่พวกเล่นไม่รู้เวลาเสียก่อน
“ชานยอล ลู่หาน คยองซู พวกเธอคุยอะไรกัน!! หรืองานที่ให้ไปทำมันน้อยเกินไปอยากจะได้เพิ่มอีก”
ชานยอลรีบลุกพรวดขึ้นยืนถึงจะฟังบ้างไม่ฟังบ้างก็พอจะรู้หรอกว่าอาจารย์สั่งงานอะไร หากมีหรือตัวเก็งเกียรตินิยมออกหน้าแล้วจะทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาใจอ่อนไม่ได้ ในเมื่อเป็นลูกศิษย์คนโปรดที่ทำให้ภาคภูมิใจน้อยเสียเมื่อไหร่ แม้จะรู้มาบ้างว่าตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อโต๊ะบอลแต่ก็ทำเป็นมองข้ามไปคิดเสียว่าแค่เด็กรักสนุก
“เปล่านะอาจารย์ พวกผมกำลังปรึกษากันว่าจะไปขอยืมหนังสือจากหอสมุดกลางมาทำรายงานครับ”
“งั้นก็แล้วไป เออ...อาจารย์โจวมี่อยากพบเธอมีใครบอกหรือยัง”
“ยังครับ”
“หมดคาบแล้วก็ไปพบอาจารย์สักหน่อยนะ”
“ครับ”
ลู่หานและคยองซูอมยิ้มให้กับความกะล่อนเอาตัวรอดซึ่งหน้าของเพื่อนรัก ทั้งเรื่องการพูดเล่นของพวกเขาและจำได้ว่าเมื่อเช้าแทมินที่เรียนสาขาสถาปัตยกรรมซึ่งมีอาจารย์โจวมี่เป็นที่ปรึกษาก็ตะโกนบอกชานยอลแล้ว หนำซ้ำเพื่อนยังบอกว่ามีธุระก็มาหาเองผิดกับศิษย์รักอาจารย์ชินดงตอนนี้ราวกับคนละคน จนอดหันมามองหน้ากันแล้วพยักพเยิดให้ดูพ่อปลาไหลใส่สเก็ตตัวเป็นๆ
แบบนี้นี่แหละถึงรอดปากเหยี่ยวปากกาของสาวๆ รวมถึงชายหนุ่มที่ชื่นชอบผู้ชายหน้าหวานมาได้ จนถึงตอนนี้เรียนปีสองก็จะมีแต่พวกต่างคณะเข้ามาขายขนมจีบให้เพื่อน เพราะพวกในคณะต่างรู้ดีว่าชานยอลไม่สนใจจะมองใคร ส่วนใหญ่จึงเป็นเพื่อนกันไปแม้จะเรียนคณะเดียวกันแต่คนละสาขาก็ตาม
.
.
ช่วงเที่ยงชานยอลสละเวลากินมื้อเที่ยงมาพบอาจารย์โจวมี่ สองเท้าวิ่งขึ้นบันไดเร็วๆไปยังสาขาสถาปัตยกรรมซึ่งอยู่บนชั้นสาม หากก้าวไปจนถึงจุดหมายก็เลี้ยวขวาทันทีเพื่อไปที่ห้องพักอาจารย์จึงชนเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงมีกล้ามเนื้ออย่างผู้ชายทั่วไป ทำให้คนรูปร่างเพรียวบางแต่ได้เปรียบเรื่องความสูงถึงกับล้มลงไปนั่งกับพื้นโดยที่อีกฝ่ายแค่เซไปเท่านั้น
ดวงตากลมใสและดวงตาคมตวัดมามองกันคล้ายจะเอาเรื่อง หากสุดท้ายคนหน้านิ่งใบหน้าหล่อเหลาก็เดินเข้าหาและยื่นมือมาตรงหน้า
“โทษที ฉันช่วยนะ”
ชานยอลมองฝ่ามือใหญ่ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ซึ่งมีรอยยิ้มบางประดับอยู่ที่ริมฝีปากสีเข้ม จึงยกมือขึ้นตีเบาๆลงไปแล้วลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
“ขอบใจ ฉันลุกไหว”
“ขอโทษอีกครั้ง”
“ฉันก็ขอโทษที่ไม่ทันระวัง”
“อืม”
ทั้งสองยืนมองกันเงียบๆโดยไม่รู้จะพูดอะไรเพราะไม่ได้คุ้นเคยกันมาก่อน ชานยอลมองหน้าแล้วก็รู้สึกว่าอีกคนไม่คุ้นตาเสียเลย เพราะถ้าเป็นนักศึกษาคณะนี้ก็น่าจะเคยผ่านตาบ้าง ส่วนคริสมองร่างเพรียวตรงหน้าอย่างพิเคราะห์ หน้าตาหวานน่ารักคล้ายผู้หญิง หากท่าทางการพูดจากลับมั่นใจในตัวเองเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ก็ยังแฝงการระมัดระวังตัวเอาไว้ ดังเช่นที่ไม่ยอมวางมือให้เขาช่วยดึงขึ้นมายืน
“นายเรียนคณะนี้หรือ ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”
“ใช่ ฉันเพิ่งโอนย้ายหน่วยกิตมาเรียนปีสองที่นี่”
“นั่นสิ ฉันถึงไม่คุ้นหน้า เรียนสาขาอะไร”
“สถาปัตย์ แล้วนายล่ะ”
“ออกแบบตกแต่งภายใน...”
“ชานยอลมาแล้วหรือ?”
“ครับอาจารย์”
ชานยอลกับคริสหันไปมองคนที่เดินขึ้นบันไดมายืนอยู่ด้านหลัง อาจารย์โจวมี่ของบรรดาลูกศิษย์เป็นคนใจดีและใจเย็น อีกทั้งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกสาขาสถาปัตยกรรมซึ่งผิดกับอาจารย์ที่ปรึกษาของชานยอลราวกับคนละขั้ว
“คุณใช่ คริส อู๋ หรือเปล่า”
“ครับ ผมเอาเอกสารมาให้อาจารย์เพิ่มเติม”
“เอามาสิ แล้วจากนี้มีอะไรก็มาปรึกษาผมได้นะ ยินดีให้คำแนะนำ”
“ขอบคุณครับ...ผมขอตัวก่อน ไปนะแล้วเจอกัน”
“อื้อ”
คริสส่งซองเอกสารตามที่อาจารย์โจวมี่ต้องการเพิ่มเติมให้แล้วหันไปล่ำลากับเพื่อนใหม่ นึกเสียดายที่ยังไม่ได้ไต่ถามชื่อเสียงเรียงนาม หากอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเรียนสาขาออกแบบตกแต่งภายใน และถ้าจำไม่ผิดอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเรียกว่าชานยอล...เท่านี้ก็คงตามหาไม่ยากจนเกินไป
................
ช่วงค่ำวันนี้ชานยอลกับผองเพื่อนนัดไปฉลองที่ผับของพี่ชายซิ่วหมิน ซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาในยามที่ต้องการสถานที่คลายเครียดพักผ่อนสมอง(?) โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้มาก่อนว่าจะมาพบกับใครบางคน
กลุ่มของเซฮุนซึ่งพาคริสมาเลี้ยงต้อนรับการกลับบ้านก็มานั่งอยู่ในผับนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ขณะกำลังดื่มไปคุยไปพร้อมกับขยับตัวให้เข้ากับจังหวะดนตรีซึ่งเปิดเสียงดังอึกทึกสายตาของคริสก็ไปสะดุดเข้ากับคนกลุ่มใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาโดยเฉพาะหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนใหม่ร่วมคณะแต่คนละเอก หากเพิ่งจะได้รู้จักกันในวันนี้ นับว่าเป็นโชคดีที่เขาจะไม่ต้องตามหาตัวอีก และยังไม่ทันจะได้ทักทายเซฮุนซึ่งนั่งติดกันก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งตะโกนเรียกเสียงดัง ทำให้ดวงตาคมต้องหันมามองและสะบัดสายตาไปยังกลุ่มซึ่งเพื่อนกำลังโบกมือเป็นสัญญาณให้มาร่วมโต๊ะเดียวกันอีกครั้ง
“เฮ้! ชานยอลทางนี้”
“สุดที่รักของไอ้จงอินมาด้วยโว้ยคริส แกมาไม่เสียเที่ยวแล้วจะได้รู้จักว่าที่เพื่อนสะใภ้”
คริสขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ฟังคำพูดของจงแด และไม่มีคำปฏิเสธของจงอินนั่นเป็นการยอมรับอยู่ในทีว่าใช่คนที่พึงใจแต่ปอดแหกไม่กล้าบอกให้เจ้าตัวรู้ แล้วคนไหนกันล่ะมีตั้งสี่หนุ่มจะคนไหนก็ได้ขอเพียงแค่ไม่ใช่ชานยอลก็พอ
“คนไหนวะแฟนแก”
“แกอย่าบ้าตามไอ้จงแดไปหน่อยเลย ไอ้ชานยอลไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องพวกนี้ไปล้อเล่นนะ รู้เข้ามันโกรธตายห่าเลย”
แบคฮยอนรีบห้ามเสียก่อนที่คริสจะพลั้งเผลอหลุดปากพูดต่อหน้าชานยอล ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็อยากเป็นมิตรกับคนกลุ่มนี้เพราะนิสัยใจคอก็ใช้ได้ รวมถึงอิทธิพลของแต่ละครอบครัวก็ครอบคลุม ช่วยเหลือยามตกทุกข์ได้ยากได้โดยไม่เกี่ยงงอน
“มาเหมือนกันหรือเซฮุน”
“ใช่ ฉันมาเลี้ยงต้อนรับเพื่อนกลับมาจากแคนาดา นั่งด้วยกันสิ”
“จะสะดวกหรือเปล่า”
ชานยอลไม่มีปัญหาในการร่วมดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูงอยู่แล้ว หากคำว่าเลี้ยงต้อนรับ นั่นหมายถึงว่าพวกเขาคงไม่มีใครรู้จักคนที่กำลังถูกเลี้ยงต้อนรับก่อนที่ดวงตากลมจะกวาดมองไปที่โต๊ะก็พบว่ามีแต่คนคุ้นเคย แต่มาสะดุดกับคนที่นั่งข้างเซฮุนซึ่งดูจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยพบหน้ากันมาก่อน
“ไม่มีปัญหาคนกันเองทั้งนั้น นั่งเถอะชานยอล”
จงอินขยับที่ให้อีกสี่คนนั่งซึ่งโซฟาสีแดงรูปโค้งเป็นตัวยูก็ทำให้พวกเขาเก้าคนนั่งได้อย่างสบายไม่เบียดเสียดอะไร และยังมองเห็นหน้าทุกคนในโต๊ะได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ทันทีที่นั่งลงเซฮุนก็เริ่มแนะนำเพื่อนใหม่ให้กลุ่มพวกหน้าตาสวยเกินชายแต่ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นพวกนิยมไม้ป่าเดียวกันได้รู้จัก
“นี่ คริส อู๋ เพิ่งย้ายจากแคนาดามาเรียนคณะเราแต่สาขาเดียวกับพวกฉัน”
ชานยอลจึงถึงบางอ้อว่าคนนี้นี่เองที่พบหน้ากันเมื่อตอนเที่ยง คิดจะเอ่ยปากทักทายคนที่มองสบตากัน หากอีกฝ่ายก็เลื่อนสายตาไปมองคนอื่นเหมือนกับว่าจำเขาไม่ได้ จึงปล่อยเลยตามเลยหมดความสนใจต่อไป ก็เรื่องอะไรจะต้องมาเท้าความหลังที่ผ่านมาแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงให้อีกคนระลึกถึง ในเมื่อเป็นประเภทความจำสั้นสันหลังยาวก็เลยตามเลยไปดีกว่า
โดยที่ไม่รู้ว่าในความรู้สึกของคริสก็อยากทักทาย หากกำลังลุ้นอยู่ว่า ‘ชานยอล’ ที่จงอินพร่ำเพ้อจะเป็นคนเดียวกับที่เขารู้จักเมื่อกลางวันหรือเปล่า
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉัน...คยองซู”
“ยินดีต้อนรับ ฉัน...ซิ่วหมิน ”
“ยินดีเช่นกัน ลู่หาน”
“ชานยอล”
ชานยอลแนะนำตัวสั้นๆเมื่อเห็นสายตาคมจับจ้องราวคนแปลกหน้า เขาไม่ใช่พวกตีสองหน้าเก่งค่อนข้างจะเป็นคนตรงด้วยซ้ำ เมื่อเจอคนหลายหน้าแบบนี้ก็ให้หงุดหงิดขึ้นมาได้เหมือนกัน หากเซฮุนเห็นว่าเพื่อนร่วมคณะแนะนำตัวครบแล้ว แต่คริสยังนั่งนิ่งจึงใช้ศอกกระทุ้งไปแรงๆจนสะดุ้งก่อนจะรีบตอบรับตามมารยาทที่ดี
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน เรียกฉัน...คริส ก็ได้”
ทุกคนพยักหน้ารับก่อนที่ซิ่วหมินจะหันไปเรียกพนักงานมารับออเดอร์ตามที่พวกเขาต้องการ และก็เริ่มต้นบทสนทนาดังเช่นคนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว หากเหล้าหมดไปเพียงแค่สองแก้วไหล่บางของคนนั่งริมโซฟาก็ถูกสะกิดเรียกดวงตากลมให้หันกลับไปมองก่อนจะเปิดรอยยิ้มสวย
“ชานยอล”
“อ้าว...ยูริ มากับใครน่ะ”
“มากับพวกรุ่นพี่ในชมรม”
ชานยอลชะเง้อมองตามปลายนิ้วชี้เรียวก็พบกับพวกรุ่นพี่ในชมรมถ่ายภาพ นำโดยจงฮยอนที่ยกแก้วเหล้าชูขึ้นพร้อมกับมินโฮที่กวักมือเรียกให้เข้าไปหา และเหมือนกับจะนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ยังไม่ได้เฉียดกายไปทักทายพวกรุ่นพี่ที่ชมรมเลย จึงต้องหันมาขอตัวไปเม้าท์มอยเสียหน่อย
“ขอตัวแป๊บนึงนะ”
ชานยอลเดินคู่ไปกับยูริโดยมีสายตาปรือปรอยของจงอินมองตาม ดวงตาคมของคริสมองหน้าเพื่อนแล้วจึงมองตามสายตาคู่นั้นไป ก็พบว่าร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งข้างหญิงสาวคนเมื่อครู่ แล้วสรวลเสเฮฮากับทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวในโต๊ะนั้นอีกหลายคน รวมถึงรับแก้วเหล้าจากคนที่เขาไม่รู้จักมาดื่มอีกด้วย
“เพื่อนนายนี่ฮ็อตไม่เลิกเลยนะ”
“แน่ล่ะ คนอัธยาศัยดีอย่างชานยอลใครก็อยากเข้าใกล้”
คยองซูมองตามเพื่อนแล้วหันกลับมายืนยันคำพูดของแบคฮยอนอย่างภาคภูมิใจ ถึงแม้เพื่อนจะอัธยาศัยดีเป็นกันเองแต่ก็มีลิมิตที่รับได้ ถ้าเกินกว่าจะรับได้ก็จะแปลงร่างเดวิลน้อยให้ดูเป็นขวัญตาได้ด้วย
“จงอิน...ชานยอลบอกว่าขนมของนายอร่อยดีนะ”
“เขาพูดจริงหรือลู่หาน”
“ไม่จริง...ฉันพูดเอง”
กลุ่มสามหนุ่มผู้มาใหม่หัวเราะขำท่าทางกระตือลือล้นผิดกับหมาหงอยของจงอินยามชานยอลลุกออกไป ทุกคนรวมถึงเพื่อนหน้าหวานก็รู้ว่าจงอินคิดอะไรแต่ในเมื่อไม่พูดให้ลำบากใจที่ต้องปฏิเสธจึงสามารถเป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไปได้
"พวกนายก็อย่าไปแกล้งให้ไอ้จงอินมีความหวังหน่อยเลย เดี๋ยวมันฮึดขึ้นมาเดินไปสารภาพรักกับชานยอลแล้วจะยุ่ง”
“กล้าๆหน่อยจงอิน”
จงแดพูดคล้ายกับหวังดีแต่ที่จริงก็แค่หมั่นไส้เพื่อนที่ไม่กล้าเท่านั้น ทั้งที่ตัวเองก็มีสาวๆมาปลื้มไม่น้อยหากกลายมาเป็นของตายสำหรับชานยอลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเป็นของตายที่เจ้าของหันมาหยิบฉวยไปใช้บ้างจะไม่ว่าเลย หากเป็นของตายที่เจ้าตัวเขาไม่ต้องการนี่สิ...ซิ่วหมินจึงแกล้งพูดคล้ายกับท้าทายให้อีกคนฮึดจริงอย่างที่จงแดว่า แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มก็ยังปอดแหกคงเส้นคงวา
“ก็ฉันไม่กล้านี่หว่า กลัวจะเสียเพื่อน”
“ถ้าชานยอลปฏิเสธแล้วนายยอมถอยกลับมาเป็นเพื่อนได้ก็ไม่เสียเพื่อนหรอก เขาไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย”
ลู่หานบอกนิสัยของชานยอลซึ่งใครๆต่างก็รู้ดี ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ของชมรมถ่ายภาพทั้งสองคนหรือแม้แต่ยูริ ทุกคนก็ยอมถอยกลับมาในจุดที่ตัวเองสมควรจะยืนจึงได้รับความเป็นเพื่อนและเป็นรุ่นน้องที่ดีจากชานยอลต่อไป ขอเพียงแค่อย่าตื๊อจนน่ารำคาญล้ำเส้นจนเกินไปเท่านั้น
“มันจะอะไรนักหนาวะจงอิน ฉันว่าไม่เท่าไหร่หรอก”
เสียงของคนที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นเรียกสายตาเจ็ดคู่ให้หันไปมองเป็นจุดเดียวกันได้โดยไม่ได้นัดหมาย ต่างคิดว่าเพราะเป็นคนมาใหม่จึงยังไม่รู้จักชานยอลดีพอว่าจะอะไร เท่าไหร่ และแค่ไหน
.......................TBC....................
เรื่องนี้รีไรท์จบตั้งแต่คริสยังอยู่ในวงเลยนะคะ ถ้าอยากอ่านตอนต่อไปรบกวนช่วยกันสกรีม #SweetKY ในทวิตหรือคอมเม้นท์ในนี้ให้ด้วยนะคะ